วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ทะเล

บางแสน มนต์เสน่ห์ที่ไม่เคยเสื่อมคลาย
บางแสน ทะเลใกล้กรุง ขวัญใจคนทุกวัย
                                               


ทั้งๆ ที่ทะเลที่ไหนๆ ก็มีสีเขียวๆฟ้าๆ มีรสเค็มๆเหมือนกัน แต่จริงๆ แล้ว “ทะเลที่ไหน ๆ ก็ไม่
เหมือนกัน”
เพราะเสน่ห์ของทะเลย่อมมีจุดแตกต่างให้จดจำ “ผู้จัดการท่องเที่ยว” เองก็ผ่านมาก็ร้อยเอ็ดเจ็ดย่าน
สมุทร แต่ก็ยังไม่เคยลืมเลือน“ทะเลแรก” ที่ทำให้ได้รู้จักกับคำว่า “ทะเล” เพราะทะเลแรก ก็
เหมือน “รักแรก” ที่มีเรื่องราวและความประทับใจมากมายเกิดขึ้น
สำหรับ“ทะเลแรก” ของ “ผู้จัดการท่องเที่ยว” ที่ยังจดจำไม่เคยลืม ก็คือ “ทะเลบางแสน” และก็คง
เป็นทะเลแรกของใครหลายๆ คน เพราะเป็นทะเลที่ใกล้กรุงเทพฯ เดินทางไปมาสะดวกสบาย ผ่าน
ไปกี่ยุคกี่สมัย ตั้งแต่รุ่นคุณปู่จนมาถึงตอนนี้ ก็ยังเป็นสถานที่พักผ่อนท่องเที่ยวยอดนิยมที่ไม่เคยร้าง
ผู้คน แม้จะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ชื่อเสียงของบางแสนอาจหมองมัวกับความสกปรกและความไม่เป็น
ระเบียบเรียบร้อยไปบ้าง
แต่ว่าก็เป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง เพราะช่วงไม่กี่ปีมานี้ชาวบ้านแสนก็ได้พยายามที่จะ พลิกฟื้นกลับมา
สวยงาม เรียกมนต์เสน่ห์ให้ผู้คนได้กลับมาหลงใหลเหมือนเดิม
บางแสนในวันนี้ได้รับการจัดระเบียบให้สะอาดเรียบร้อยขึ้น แต่ถึงกระนั้นบางแสนก็ไม่เคย
ร้างราแม่ค้า-พ่อค้าที่มาเดินขายของให้นัก
“ฟ้าและท้องทะเลกับลมนั้นมีอยู่ แต่ใครจะรู้ จะรู้ว่ามีอะไรในใจฉัน…”
“ผู้จัดการท่องเที่ยว”กำลังฮัมเพลง “ให้เธอ” อย่างมีความสุข ซึ่งอาจจะเทียบไม่ได้กับเจ้าของ
เสียงเพลงตัวจริงอย่าง“พี่โต๊ะ” วสันต์ โชติกุล แต่ก็พอทำให้บรรยากาศในตอนนี้ลงตัวทีเดียว เพราะ
ตอนนี้ “ผู้จัดการท่องเที่ยว” กำลังอยู่ที่ชายหาดทะเลบางแสนในยามเย็น ปล่อยอารมณ์เพลินๆ ไป
กับการดูพรายฟองคลื่นที่กระทบฝั่งเป็นระยะ ประหนึ่งว่ากำลังแสดงมิวสิควีดีโออยู่ยังไงยังงั้น
แน่แล้ว อาการอย่างนี้ไม่ต้องบอกก็พอรู้ได้ว่าจะมีความสุขขนาดไหน ไม่ใช่แค่สุขที่ได้มาเที่ยว แต่
เป็นสุขที่ได้มาเยือนบางแสนอีกครั้ง
บางแสนในวันนี้ดูเปลี่ยนแปลงไปมาก เธออาจจะไม่ใช่หญิงสาวชาวบ้านป่าที่สวยอย่างธรรมชาติ
เหมือนก่อน เพราะตอนนี้เธอได้ถูกแต่งหน้าแต่งหน้าให้สวยเฉี่ยวดูดีและทันสมัยขึ้น แต่เธอก็ยังคือ
เธอ คือบางแสนแสนเสน่ห์ ที่ไม่ว่าวันไหนๆ ก็ยังมีผู้คนมากมายหลั่งไหลไปเยี่ยมชมและพักผ่อน
กัน
เสน่ห์ของจุดชมวิวบนเขาสามมุข นอกจากจะมองเห็นแหลมแท่นได้อย่างชัดเจนแล้วยังมีเจ้าจ๋อมา
เป็นแบบคอยสร้างสีสันให้กับนักท่องเที่ยวอีกด้วย
                                                
จริงๆ แล้วที่เปรียบเทียบบางแสนเป็นผู้หญิงอาจจะไม่ถูกต้องนัก ต้องเปรียบบางแสนเป็นผู้ชาย
เพราะมีตำนานเล่าว่ามีหญิงสาวสวยชื่อ “สามมุก” ได้ผูกสมัครรักใคร่กับหนุ่มชื่อ “แสน” ลูกชาย
กำนันบ่ายเศรษฐีแห่งบ้านอ่างหิน (อ่างศิลา) ทั้งคู่มักจะแอบไปเล่นว่าวเชื่อมสัมพันธ์รักกันบ่อยๆ
(เอ่อ ว่าวที่เป็นว่าวจริงๆ อย่าคิดเป็นอื่นไป) แต่เพราะฝ่ายชายมีฐานะร่ำรวยกว่า พ่อแม่ของแสนก็เลย
บังคับให้แสนแต่งงานกับผู้หญิงที่พ่อแม่จัดหาให้
สามมุกเสียใจมาก ได้วิ่งไปกระโดดหน้าผาฆ่าตัวตาย
ฝ่ายแสนก็กระโดดน้ำตายตามอีกคน
จากเหตุการณ์นี้ ภูเขาที่เป็นอนุสรณ์แห่งความรักของแสนและสามมุก จึงชื่อว่า “เขาสามมุข” ส่วน
ชายหาดในบริเวณใกล้เคียงก็ได้ชื่อว่า “บางแสน”
ผู้จัดการท่องเที่ยว” ขอบอกว่าตอนนี้ถนนหนทางของบางแสนทั้งสวยงามและกว้างขวาง มีสิ่ง
อำนวยความสะดวกครบถ้วนทั้ง บังกะโล ห้องอาบน้ำจืด ที่จอดรถก็มีมาก ส่วนความเป็นระเบียบ
เรียบร้อยอื่นๆ ก็ดีขึ้น พ่อค้าแม่ขายก็ไม่มีการตื๊อขายของให้รำคาญใจเหมือนเก่า ถ้าชอบสบายก็เช่า
เตียงผ้าใบนั่งกินสารพันเมนูอาหารที่จะมีพ่อค้าแม่ค้ามาเสิร์ฟถึงที่ในราคาที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน
ทั้งส้มตำปูม้า ทอดปูกุ้งกรอบ ทอดมัน กุ้งเผา หมึกย่าง แต่ที่กลิ่นหอมเตะจมูกที่สุด เห็นจะเป็นไก่
ย่างสีเหลือง ๆ ที่แม่ค้าบอกว่าหมักขมิ้นกับพริกไทย ของกินทุกอย่างก็ถือว่าเป็นราคาพองามไม่แพง
จนเกินไป
นี่จึงอาจจะเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของบางแสนที่คนทุกระดับสามารถจะมาเที่ยวได้โดยไม่ต้องกังวล
เรื่องค่าใช้จ่ายให้ละเหี่ยหัวใจ..
มองไปที่ชายหาด เห็นเด็กตัวเล็กๆ กำลังเล่นทรายอย่างเพลิดเพลิน ส่วนที่ทะเลก็เห็นเด็กๆ เขาเล่น
น้ำกันอย่างสนุกสนาน ไกลออกไปหน่อยก็เป็นกลุ่มหนุ่มสาวกำลังเฮฮาร่าเริงกับบานาน่า
โบท “ผู้จัดการท่องเที่ยว” มองหาเตียงผ้าใบหลากสีที่วางเรียงรายเต็มหาดแต่ก็ไม่มีตัวไหนว่างเลย
แต่ไม่เป็นไร ลมเย็นๆ ในวันฟ้าใสๆ อย่างนี้เช่าจักรยานปั่นออกไปเที่ยวให้ทั่วบางแสนท่าจะดีกว่า
ว่าแล้วก็จัดการเลือกจักรยานคู่ใจมุ่งหน้าไปทางแหลมแท่นที่อยู่ใกล้ๆ กับชายหาดบางแสนทันที
แม้ว่าแหลมแท่นจะปรับโฉมใหม่ แต่ว่าภาพเก่าๆของหนุ่ม-สาวมานั่งชมอาทิตย์อัสดงอย่างใน
โฆษณาสุรายี่ห้อหนึ่งก็ยังมีอยู่ทั่วไป
                                                  

“มีเพียงหาดทราย ทะเล สายลม กับสองเรา ยินเพียงแผ่วเบา ยินเพียงเสียงคลื่น กับเสียงเรา…”
เพลงฟากฟ้าทะเลฝันของป้าเบิร์ด (ขอถือวิสาสะนับญาติหน่อยนะป้าเบิร์ด) นี่ก็เป็นอีกเพลงที่ชอบ
มาก เมื่อมาร้องเบาๆ ก็ยิ่งเข้ากับบรรยากาศของแหลมแท่นตอนนี้ เพราะที่นี่เป็นแหลมที่ยื่นออกไป
ในทะเล ได้ยินเสียงคลื่นทะเลชัดๆ ซัดมาเป็นระยะ
และไมว่ ่ากี่ปีๆ ผ่านไปในชว่ งเย็นๆ ก็ยังเห็นผู้คนมากมายมารวมตัวกันชมพระอาทิตย์ตกทะเลที่
แหลมแท่นแห่งนี้
ยืนยันได้จากโฆษณาสุรายี่ห้อหนึ่งเมื่อหลายสิบปีก่อน ที่เป็นภาพของชายหนุ่ม (เหลือน้อย) ผู้อยู่ใน
อารมณ์สุนทรีย์มีเครื่องดื่มยี่ห้อดังวางอยู่ใกล้ๆ วาดภาพของคู่รักที่ตระกองกอดมองพระอาทิตย์ยาม
เย็น แต่ปรากฏว่าภาพในเฟรมผ้าใบ แทนที่จะเป็นชายหนุ่มคู่รักของหญิงสาวนางนั้น กลับกลายเป็น
ตัวเขาเองที่กำลังตระกองกอดหญิงสาวอย่างมีความสุข ซึ่งสถานที่ตัวละครในโฆษณานั้นก็คือ
แหลมแท่นแห่งนี้เอง
จึงไม่น่าแปลกใจถ้าจะเห็นทุกๆเย็น ที่แหลมแท่นจะเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่มารอชมพระอาทิตย์
ตกทะเล และที่ศาลาสวยๆ ปลายแหลมแท่นนี้ก็เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นออกไปได้กว้างไกลทั้งหาด
บางแสนและเขาสามมุข
เขาสามมุข ที่ว่า ก็คือที่เดียวกันกับที่เป็นตำนานเรื่องราวของสาวมุก เมื่อขึ้นมาบนนี้แล้วก็จะมีจุดชม
วิวที่มองเห็นแนวชายหาดบางแสน แหลมแท่น ไปจนถึงศรีราชา พัทยา หรือเลยไปถึงเกาะล้านเลย
ทีเดียว เขาแห่งนี้มีศาลเจ้าแม่เขาสามมุข เป็นศาลไทยและศาลจีนเป็นที่เคารพสักการะของ
ชาวประมงในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวผู้ผ่านไปมา
ที่บริเวณศาลนี้จะมีลิงอยู่มากมาย ซึ่งก็จะมีพ่อค้าแม่ค้าเอาพวกกล้วย ถั่ว แตงกวา ใหนั้กท่องเที่ยวได้
ซื้อเป็นอาหารให้เจ้าลิงทั้งหลาย แต่เพราะเจ้าลิงพวกนี้ชอบกินทิ้งกินขว้าง บริเวณนี้ก็เลยออกจะ
สกปรกสักหน่อย (ถ้าใครบอกให้มันช่วยเอาเศษผลไม้ไปทิ้งขยะได้ ก็คงจะดีไม่น้อย) แต่ที่สำคัญ
ใครที่ไปก็ต้องระมัดระวังกันให้ดีหน่อย เจ้าลิงบางตัวอาจจะทั้งดื้อทั้งดุ อยู่ดีๆ โผล่มาคว้าของที่เรา
ถืออยู่หายเข้าไปในป่าเลยก็ได้
นอกจากนี้แล้วที่เขาสามมุขยังมีร้านอาหารทะเลที่อร่อยๆ อยู่หลายร้าน ซึ่งรับรองทุกร้านนั้น
รับประกันความสดใหม่ เพราะอยู่ไม่ไกลจากสะพานปลาเท่าไหร่นัก
พอพูดถึงสะพานปลาก็ให้นึกถึงว่า จริงๆ แล้วอาชีพของชาวบางแสนส่วนหนึ่งก็คือการทำประมง ที่
ดำเนินชีวิตด้วยการออกทะเลหาปลาด้วยเรือเล็กๆ เครื่องมือง่ายๆ ก็เลยมีชุมชนชาวประมงอยู่หลาย
แห่ง เช่นที่ แหลมแท่น อ่างศิลา แต่ที่เป็นชุมชนใหญ่ตอนนี้ก็คืออยู่ที่ “หาดวอนนภา” ซึ่งชาวชุมชน
บางส่วนยังมีอาชีพที่เป็นผลผลิตที่เกิดจากการประมง อย่างทำน้ำปลา ผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแห้ง
ต่างๆ ก่อนจะกลับบ้านไปก็น่าจะลองแวะไปซื้อเป็นของฝาก รับรองว่าไม่แพง เพราะเป็นราคาที่ส่ง
ขายราคาเดียวกับพ่อค้าแม่ค้าในตลาด
บานานาโบท กิจกรรมสุดฮิตของคนมาเที่ยวบางแสน
                                             

อยากเก็บคลื่นขาวๆ เอามาฝาก อยากเก็บหาดทรายสวย สวยสะอาด น้ำทะเลใสๆ สดใส แต่เก็บไม่ได้
อยากหยิบทะเลใสใส่ในขวด แต่คงไม่สวยไม่ใส ไม่ใช่ทะเล ...”
เพลงของฝากจากทะเล ที่พี่จุ้ย ศุ บุญเลี้ยง (ญาติแต่ในนามอีกคนของผู้จัดการท่องเที่ยว) ร้องไว้เมื่อ
หลายปีก่อน แต่ยังเพราะเสนาะหู ฟังเมื่อไหร่ก็ไม่มีเบื่อ และเพลงนี้ยังโดนใจ “ผู้จัดการ
ท่องเที่ยว” เข้าอย่างจัง เพราะทุกครั้งที่ไปเที่ยวบางแสน ก็มักจะแวะเข้าไปเที่ยวที่สถาบัน
วิทยาศาสตร์ทางทะเล ที่อยู่ในมหาวิทยาลัยบูรพา ซึ่งที่แห่งนี้เป็นที่ศึกษาและรวบรวมเรื่องราวของ
สัตว์ทะเลไว้อย่างครบครัน
เป็นการยืนยันและค้านพี่จุ้ยอยู่หน่อยๆ ว่าถึงเราจะเก็บเอาคลื่น เอาหาดทราย หรือเอาน้ำทะเลมาเก็บ
ไว้ไม่ได้ แต่ที่สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล สามารถจะเก็บของจริงๆทุกอย่างที่ว่า รวมถึงบรรดา
สัตว์น้ำเค็มทั้งหลายให้มาในตู้กระจกใบใหญ่ๆ แสดงถึงชีวิตใต้ท้องทะเลที่ทั้งสวยงามตระการตา
และดูแปลกมหัศจรรย์ในคราวเดียวกัน ทำให้ได้เรียนรู้ชีวิตสัตว์น้ำเค็มที่บางอย่างบางชนิดก็ใกล้จะ
สูญพันธุ์แล้ว ที่แห่งนี้จึงเหมาะกับทุกคนที่อยากจะศึกษาเรียนรู้เรื่องราวใต้ท้องทะเล
เพราะถึงจะไปเที่ยวทะเลมานักต่อนัก แต่ไม่เคยรู้เรื่องของทะเลเลย ก็เหมือนกับว่าเรายังไม่เข้าใจ
ทะเลอย่างแท้จริง
โน่นทะเลแสนงาม ฟ้าสีครามสดใส มองเห็นเรือใบ แล่นอยู่ในทะเล”
“ผู้จัดการท่องเที่ยว” ขอตบท้ายด้วยเพลง “ทะเลแสนงาม” เพลงทอปฮิตที่เกี่ยวกับทะเลซึ่งใครๆก็
ต้องร้องได้ เพราะสมัยเป็นเด็กอนุบาลคุณครูก็จะสอนให้ร้องเพลงนี้ มีท่าประกอบสวยงามน่ารัก
สมวัย พอโตขึ้นเรียนมหาวิทยาลัย มีกิจกรรมที่ทะเลอยู่บ่อยๆ ก็ยังต้องร้องเพลงนี้อยู่ แต่รู้สึกว่าท่า
ประกอบจะเปลี่ยนไป กลายเป็นท่าพิลึกกึกกือที่เข้าขั้นไม่น่าเลียนแบบ แถมอาจจะมีการเพี้ยนเนื้อ
ร้องที่ฟังแล้วอาจจะแปลกๆไปบ้าง
จนมาถึงตอนนี้ที่อายุอานามอาจจะเลยผ่านการใส่เครื่องแบบผู้ใฝ่หาความรู้ แต่เพลงนี้ก็ยังร้องได้ติด
ปาก ก็เหมือนกับ “ทะเลบางแสน” ที่กี่ปีๆผ่านไป ทะเลแห่งนี้ก็จะยังเป็นทะเลที่มีมนต์เสน่ห์ไม่เคย
ลืมเลือนไปจากใจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น